ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

LogoThai.COM
LOGOthai.com

คลิกที่นี่ -->> เปรียบเทียบทำเลและราคาที่ดินวังน้ำเขียวผ่าน GooleMAP | คลิกที่นี้ -->> Upload ภาพ

  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 21
241  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / ผู้ตรวจการฯแนะทางแก้ที่ดินวังน้ำเขียวให้ครม.พิจารณา เมื่อ: 22 มกราคม 2556 15:48:04
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ดินวังน้ำเขียวให้ครม.พิจารณา คนอยู่ก่อน 2497 เฮให้อยู่ต่อ ส่วนผู้บุกรุก คนซื้อต่อให้ถือไม่สุจริต

นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการพิจารณาปัญหาการครอบครองที่ดิน ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง (เขาแผงม้า) อุทยานแห่งชาติทับลาน และที่ดิน ส.ป.ก.ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ว่า ที่ประชุมเห็นควรว่าปัญหาดังกล่าว เกิดจากการใช้แผนที่โบราณที่ไม่ละเอียด ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง และทำให้เห็นการบุกรุกหลายครั้ง

โดยขณะนี้มีการบุกรุกป่าถึง 57,000 ไร่ ทั้งนี้ผู้ตรวจการได้ทำหนังสือด่วนไปยังคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา พร้อมระบุถึงข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย โดยแนวทางการพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินใช้หลักความเป็นธรรมต่อประชาชน แต่ก็ไม่ได้ได้ละเลยในหลักของข้อกฎหมายแต่อย่างใด คือ สามารถใช้หลักกฎหมายให้ยืดหยุ่นได้ โดยการพิจารณาครั้งนี้ ผู้ตรวจการใช้เวลาดำเนินการพิจารณา 8 เดือนเพื่อสำรวจข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ซึ่งสามารถสรุปข้อเสนอ ได้ดังนี้  คือ

1.กรณีที่มีผู้ที่อยู่อาศัยดั้งเดิม โดยอ้างสิทธิ์การครอบครองมาก่อนประกาศประมวลกฎหมายที่ดิน วันที่ 1 ธันวาคม 2497  ให้นำหลักฐานมาชี้แจงการครอบครองสิทธิ โดยถือว่า ผู้อยู่อาศัยประเภทดังกล่าวไม่เป็นผู้บุกรุก ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถผ่อนปรนให้สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้

2.กรณีผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัยหลังมติคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 มิถุนายน 2541 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือ มีการบุกรุกแผ้วผางพื้นที่ป่าโดยชัดเจน ให้ถือว่าเป็นผู้บุกรุกที่ดินราชการ ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 กฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และกฎหมายอุทยาน 2504  ซึ่งหากกระทำผิดกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ คงต้องดำเนินตามกฎหมาย ส่วนผู้ที่เข้าไปรับโอนที่ดินต่อจากผู้ที่บุกรุก หรือกระทำโดยสมรู้ร่วมคิด เจตนาทำอย่างนั้น ถือว่ามีความผิดร้ายแรงกว่าผู้บุกรุก และ

3.ผู้ที่ไปซื้อที่ดินต่อจากผู้บุกรุก หรือผู้ที่สมรู้ร่วมคิด ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นผู้บุกรุก ก็ต้องถือว่าบุคคลเหล่านี้ไม่สุจริต กฎหมายก็ไม่ควรจะปกป้องคุ้มครองบุคคลเหล่านี้ด้วย

“สำหรับผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัยโดยไม่รู้ ซึ่งทางราชการไม่เคยแจ้งให้ทราบมาก่อน  รัฐบาลควรมีแนวทางที่จะเข้าไปดูแลประชาชน  โดยสิ่งต่างๆเหล่านี้ รัฐบาลควรกลับมาพิจารณา และกำหนดทิศทางอย่างชัดเจนว่าควรดูแลประชาชนอย่างไร อีกทั้งต้องจัดการปัญหาเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้รัฐบาลต้องไม่ใช่แก้ไขเฉพาะเพียงพื้นที่วังน้ำเขียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุด ควรพิจารณาด้วยว่าบุคคลเหล่านั้นได้ครอบครองที่ดินโดยสุจริตหรือไม่”นายศรีราชา กล่าว

นายศรีราชา กล่าวต่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นว่าประชาชนที่ได้รับการผ่อนปรนในขณะนี้ ถือเป็นการยืดหยุ่น คือได้ให้เวลาเขาได้ปรับตัว หรือย้ายถิ่นฐานเป็นเวลา 15 ปี ทั้งนี้หากรัฐบาลจะให้เวลามากหรือน้อยกว่านี้ ก็ไม่เป็นปัญหาอย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับการผ่อนปรน จะไม่สามารถบุกรุกที่ดินเพิ่มเติมได้อีก คือ ห้ามสร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ทำได้ คือ การปลูกป่า เพื่อจะได้เป็นแหล่งพื้นที่สีเขียว และแหล่งต้นน้ำเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หวังว่า การแก้ไขปัญหาในพื้นที่วังน้ำเขียวจะเป็นโมเดลวังน้ำเขียว ในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินทั่วประเทศอย่างยั่งยืน

ส่วนกรณีที่ทางกรมป่าไม้ได้มีการจับผู้บุกรุกเป็นจำนวนมากในขณะนี้นั้น นายศรีราชา กล่าวว่า วันนี้(3 พ.ค.)  ตนได้ประสานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อขอให้ชะลอการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และรอความชัดเจนจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะรัฐมนตรีว่าจะทำตามข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอไปหรือไม่ หากไม่ทำตามข้อเสนอของทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็คงไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติหรือฝ่ายบริหาร แต่เราเป็นองค์กรอิสระที่หาแนวทางในการแก้ไข




นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน
242  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / Re: แฉ...ตุ๋นนักลงทุนซื้อที่“วังน้ำเขียว” เมื่อ: 22 มกราคม 2556 15:37:35
คำแนะนำเพิ่มเติมที่ดิน ภบท.5

ใบ ภบท.5 คือ หลักฐานการเสียภาษี บอกแต่เพียงชื่อที่ปรากฎอยู่ว่า เป็นผู้ที่เสียภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น
ไม่ได้แสดงหลักฐานการครอบครองที่ดินนั้นๆ
การซื้อที่ดินที่มีใบ ภบท.5 และเสียภาษีต่อจากคนเดิม แสดงว่าได้ถือครองทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากคนเดิม แต่เป็นการถือครองมือเปล่าเพราะเป็นที่ของรัฐ ถ้าที่ดินนั้นอยู่ในพื้นที่ของ ส.ป.ก.หรือประกาศเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดให้ใคร ส.ป.ก.จะสอบสวนสิทธิและรังวัดที่ดิน ซึ่งจะต้องชี้แนวเขต และต้องเป็นเกษตรกรที่ทำกินด้วยตนเองเต็มเวลา ไม่มีอาชีพอื่นและที่ดินที่อื่นที่เพียงพอแก่การครองชีพ รวมทั้งต้องผ่านการพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรก่อน จึงจะได้รับที่ดินนี้
ใบ ภบท.5 เป็นเพียงใบเสร็จรับเงินว่า มีคนมาเสียภาษีบำรุงท้องที่ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนจะเป็นเจ้าของจริงหรือไม่ทางราชการไม่รับรู้ ถ้าเป็นเจ้าของจริง ผู้ซื้อก็ได้ที่ดินนั้นไป ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของแต่นึกเอาว่าเป็นเจ้าของ ผู้ซึ้อก็ไม่ได้อะไรไป ส่วนหลักฐานนั้นก็ทำสัญญาซื้อที่ดินกัน และให้กำนันในท้องที่เป็นพยานให้

ต่างจากโฉนดเยอะเลยครับ



ก็แบบที่กล่าวนั้นแหละครับ...
เพียงแต่ว่าเราต้องดูในรายละเอียดอื่นๆให้รอบคอบเช่น
- ที่ดินต้องไม่อยู่ในเขตล่อแหลม คือติดภูเขา เขตป่าไม้ เขตอุทยานฯ (สังเกตได้จากความเป็นป่าซึ่งไม่มีผู้คนอาศัย)
- ควรเป็นที่ดินอยู่ในแหลงชุมชน
- เอกสาร ภบท.5 มีที่มาที่ไปถูกต้องหรือไม่(มีบางคนรู้เห็นเป็นใจกับเจ้าหน้าที่ไปเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์กัน)
- และเมื่อมีการซื้อ-ขาย กันแล้วอย่าปล่อยที่ดินไว้เฉยๆ ควรรีบสร้างบ้านแบบบ้านๆเพื่อทำการขอเลขที่บ้าน-น้ำปะปา-ไฟฟ้า ให้เรียบร้อย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานในการเป็นเจ้าของที่มาครอบครองในเวลานั้นๆครับ

เหมือนในอดีตที่หนองจอก ชุมชนอิสลามเข้ามาตั้งรกรากแบบไม่มีใบกรรมสิทธิ์อะไรเลย เมื่อถึงเวลาหน่วยราชการก็จะมาจัดการเรื่องสิทธิ์(โฉนด)ให้ถูกต้อง ก็จะอาศัยหลักฐานต่างๆที่กล่าวมาแล้วออกเขตและแนวที่ดินให้
ในกรณีของผมนั้นผมก็ใช้หลักการณ์นี้ตัดสินใจในการซื้อที่ดิน ซึ่งผมนึกถึงสิทธิ์ในอนาคตที่จะได้รับด้วย...

ในอดีตที่ดินไม่มีเจ้าของ ----> มีผู้มาครอบครองทำประโยชน์ที่เหมาะสม ----> ราชการออกเอกสารสิทธิ์ให้

อย่างไรก็ตามการซื้อที่ดินที่เป็น ภบท.5 ยังมีอัตราเสี่ยงอยู่ ตราบใดที่ที่ดินนั้นๆยังไม่ได้เป็นโฉนดครับ

ที่มา : http://www.innovaclub.net
243  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / แฉ...ตุ๋นนักลงทุนซื้อที่“วังน้ำเขียว” เมื่อ: 22 มกราคม 2556 15:11:03


อ้างถึง
เครียดถูก“นายพล”หลอกขายที่ อุทยานฯทับลาน “วังน้ำเขียว” 13 ล้าน วิ่งขอเงินคืนแต่ถูกปฏิเสธ ต้องมาขอคำปรึกษาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แนะฟ้องแพ่ง เผยนักลงทุนโดนคนพื้นที่ตุ๋นกันเพียบ ดีเดย์รื้อถอนรีสอร์ทครั้งใหญ่กลาง ธ.ค.นี้



วันนี้ (6 ธ.ค.) นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่ามีเสี่ยคนหนึ่งจากกรุงเทพฯ เดินทางมาพบตน และ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานฯทับลาน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพื่อขอคำปรึกษา เนื่องจากเสี่ยคนดังกล่าวได้ติดต่อซื้อที่ดิน 1 แปลง จำนวน 15 ไร่ ในพื้นที่ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เมื่อเดือนมี.ค.54 จากนายทหารระดับ “นายพล” คนหนึ่ง ในราคา 13 ล้านบาท โดยมีการวางเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินกันไว้ 5แสนบาท แต่หลังจากตนกับนายเทวินทร์เข้ามารับตำแหน่งที่อุทยานฯทับลานเมื่อเดือน มี.ค. 54 ได้มีการจับกุมและรื้อถอนรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯทับลาน

เสี่ยคนดังกล่าวเห็นท่าไม่ดี เพราะที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตอุทยานฯทับลาน ไม่สามารถซื้อ-ขาย-โอนได้ จึงพยายามติดต่อขอเงินมัดจำซื้อที่ดินคืนจากนายพล แต่ถูกนายพลปฏิเสธ ด้วยความกลุ้มใจจึงแวะมาหาเพื่อขอคำปรึกษา ตนจึงให้คำแนะนำไปว่า ควรไปฟ้องร้องทางแพ่งกันเอาเอง แต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯทับลานได้ทำหนังสือยืนยันให้กับเสี่ย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องทางแพ่ง ในเนื้อหาของหนังสือว่า “ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานฯทับลาน ไม่สามารถซื้อ-ขาย-โอน ได้ตามกฎหมาย”

นายนุวรรต กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมามีคนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส.จ.นายกอบต. และข้าราชการระดับสูง หลอกขายที่ดินในเขตป่าสงวน และเขตอุทยานแห่งชาติ มีบางรายโทรศัพท์มาขอคำปรึกษาว่าจ่ายเงินมัดจำซื้อที่ดินไปแล้ว หรือ บางรายก็แจ้งว่าเพิ่งโอนเงินซื้อ-ขายกัน แล้วจะทำอย่างไร โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่จะโทรฯมาขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แต่ไม่กล้ามาแสดงตัว เพิ่งมีเสี่ยจากกรุงเทพฯเป็นรายแรกกล้าแสดงตัวเข้ามาขอคำปรึกษา ตนจึงให้คำปรึกษาไปตามกรอบของกฎหมายและอำนาจหน้าที่ที่จะทำได้

ทางด้านนายเทวินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันกำลังเร่งรวบรวมรายชื่อรีสอร์ท-บ้านพักตากอากาศ 42 แห่ง ที่มีคำสั่งให้รื้อถอนออกจากพื้นที่อุทยานฯทับลาน ภายในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คาดว่าเจ้าของรีสอร์ท-บ้านพักบางส่วนยังดื้อดึงอยู่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯทับลานจึงเตรียมความพร้อมในการรื้อถอนรีสอร์ท-บ้านพักตากอากาศ 42 แห่งไว้แล้ว ภายในกลางเดือน ธ.ค.54 แน่นอน โดยมีนายดำรงค์ พิเดช อธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางมาเป็นประธานการรื้อถอนครั้งใหญ่ ตอนนี้กำลังหารือกับอธิบดี กรมอุทยานฯเรื่องวันและเวลา ว่าอธิบดีพร้อมหรือสะดวกวันไหน ก็ลุยรื้อถอนทันที


ที่มา : dailynews
244  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / เด็ดกลโกงที่ดิน เมื่อ: 22 มกราคม 2556 14:49:35
เด็ดกลโกงที่ดิน


เรื่องการหลอกลวง โกงที่ดิน ในกรณีต่าง ๆ มีให้ได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ และก็มีมาตลอดตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบันอนาคตก็คงยังมีอยู่ถ้าเราไม่เรียนรู้ หาวิธีป้องกัน  โดยเฉพาะในแหล่งที่ที่ดินเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำเช่น หัวหิน สมุย ภูเก็ต เชยงใหม่ ซึ่งกลโกงที่ดินมีอยู่หลายลักษณะรวบรวมไว้ให้พึ่งระวังกันไว้ดังนี้
1. กลโกงจากเจ้าของที่ดินหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์
2. กลโกงจากผู้จัดสรรที่ดินหรือเจ้าของโครงการ
3. กลโกงจากบุคคลภายนอกหรือตัวแทนนายหน้าค้าที่ดิน



เรามาดูกลโกงอันดับแรกกันว่ามีกี่แบบ

กลโกงจากเจ้าของที่ดินหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์

1. เจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนำโฉนดของตนไปประกันเงินกู้กับผู้อื่น  โดยไม่ได้จดทะเบียนแล้วมาแจ้งขอรับใบแทนโฉนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยอ้างว่าโฉนดเดิมสูญหายไป  เมื่อได้รับใบแทนโฉนดแล้วจึงนำไปจดทะเบียนขาย ขายฝากหรือจำนองกับผู้อื่น

2. เจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทำสัญญาซื้อขายที่ดินรับเงินไปแล้วบางส่วนหรือทั้งหมด  ให้ผู้อื่นครอบครองที่ดินก่อนแล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ภายหลัง  ต่อมาเจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้นำโฉนดไปจดทะเบียนให้แก่ผู้อื่นอีก

3. เจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหลอกลวงผู้ซื้อ  โดยการชี้ที่ดินที่ขายไว้ผิดกับความจริง เช่นสภาพท่ดินจริงอยู่ไกลถนน ไกลแม่น้ำ หรือสภาพที่ดินเป็นถนน หรือถูกน้ำเซาะพังหาย หรือเป็นบ่อน้ำไปแล้ว หรือจำนวนที่ดินไม่ครบ  เวลาพาผู้ซื้อไปดูที่ดินจะชี้ที่ดินแปลงอื่นที่อยู่ใกล้ถนนหรือใกล้น้ำ หรือที่ดินที่ดูดีมีราคากว่าแทน

4. เจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแบางขายที่ดินเป็นแปลง ๆ โดยวิธีผ่อนชำระจะมีการนัดจดทะเบียนโอนกันเมื่อชำระหมดแล้ว และเจ้าของที่ดินหรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้นำที่ดินแปลงเดี่ยวกันไปขายให้ผู้ซื้อคนอื่นผ่อนอีก เมื่อผ่อนเสร็จปรากฎว่าที่ดินโอนเป็นของผู้อื่นไปแล้ว



กลโกงจากผู้จัดสรรที่ดินหรือเจ้าของโครงการจัดสรร

1. ผู้ทุจริตอ้างตัวเป็นผู้จัดสรรที่ดินหรือสร้างบ้านจัดสรร ซึ่งเรื่องนี้ผู้ทุจริตได้กำหนดท่ดินผืนนึ่ง ที่ดูแล้วว่าเจ้าของไม่ได้มาดูหรือทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น  จากนั้นก็ปักป้ายประกาศว่าจะมีโครงการจัดสรร เปิดเป็นสำนักงานชั่วคราว  ลงทุนพิมพ์โฆษณาเปิดให้จอง โดยให้วางเงินจองราคาถูก ๆ ผู้คนก็แห่กันไปจอง แถมผ่อนเป็นเป็นงวด ๆ แล้วก็มี  แต่บ้านก็ไม่ได้สร้างจริงซักที  เมื่อได้รับเงินจนพอใจหรือเห็นท่าไม่ดีก็จะเชิดเงินหายไป  ปล่อยให้เจ้าของที่ซึ่งไม่รู้เรื่องรับหน้าเสื่อไป

2. ผู้ทุจริตสร้างหมู่บ้านจัดสรร แต่ไม่ทำตามที่ประกาศโฆษณาไว้  ในเรื่องนี้ได้มีการสร้างหมู่บ้านจัดสรรกันจริง  และได้มีโฆษณาว่าจะตัดถนนให้ สร้างสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ฯลฯ และเมื่อโครงการเสร็จเรียบร้อย  ได้นำถนนหรือสวนสาธารณะไปทำอย่างอื่น เช่นให้คนอื่นเช่าทำตลาด หรือเอาที่ดินทรัพย์ส่วนกลางไปจำนองพอหลุดจำนองถูกยืด ชาวบ้านที่ซื้อโครงการก็ไม่มีทางออก



กลโกงจากบุคคลภายนอกหรือตัวแทนนายหน้าค้าที่ดิน

1. ผู้ทุจริตหลอกลวงหรือขโมยเอาโฉนดที่ดินของผู้อื่นมาแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้เป็นชื่อตน แล้วนำไปประกันเงินกู้หรือทำสัญญาจะซื้อจะขายกับผู้อื่น เรื่องนี้จะมีปัญหาก็คือผู้ทุจริตเอาไปทำสัญญาเงินกู้  โดยไม่ได้จอทะเบียนกับที่ดิน หรือเอาไปทำสัญญาจะซื้อจะขายรับเงินมัดจำไปก่อน

2. ผู้ทุจริตหลอกลวงหรือขโมยเอาโฉนดที่ดินของผู้อื่นมาแล้วทำใบมอบอำนาจปลอมชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ขายให้ผู้อื่นไปหรือทำทีขอยืมโฉนดจากเจ้าของที่ดินไปดูเพื่อช่วยหาผู้ซื้อ  หรือขอไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินเสร็จแล้วก็ทำโฉนดปลอมคืนให้เจ้าของที่ดินไป  เรื่องนี้โดยมากมักเกิดจากบุคคลใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว

3. ผู้ทุจริตหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินและใบมอบอำนาจของผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ลงชื่อไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความใด ๆ โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์มอบอำนาจให้จำนองหรือขอสอบเขตที่ดิน  แต่ผู้รับมอบทุจริตเอาไปขายหรือขายฝาก

4. ผู้ทุจริตหลอกลวงหรือขโมยเอาโฉนดที่ดินของผู้อื่นมาแล้วปลอมตัวว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินมาจดทะเบียนขายเรื่องนี้ผู้ทุจริต ต้องสามารถเซ็นชื่อให้เหมือนเจ้าของโฉนดได้ดี แถมมีบัตรประชาชนของเจ้าของที่ดินตัวจริงมาแสดงด้วยซึ่งมันก็คือบัตรปลอม  ตัวเจ้าหน้าที่เองก็อาจจะตรวจสอบผิดพลาดเนื่องจากมีประชาชนติดต่อใช้บริการกันมาก

5. ผู้ทุจริตกระทำตัวเป็นนายหน้าวิ่งเต้นขายที่ดินให้แก่เจ้าของที่ดิน โดยขอค่านายหน้าแล้วหลอกให้เจ้าของที่ดินเซ็นสัญญามัดจำผูกมัดให้โอนที่ดินให้ก่อน  โดยชำระเงินแต่บางส่วนที่เหลือมาชำระภายหลังแล้วสมคบกับผู้ซื้อ ผู้รับจำนอง หรือผู้รับซื้อฝาก เมื่อโอนกันเรียบร้อนแล้วก็ไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ  เรื่องมักเกิดกับเจ้าของที่ดินที่อายุมาก ๆ มักหลงคารมพวกนี้ง่าย

6. ผู้ซื้อไม่ยอมชำระราคาให้ครบถ้วนเมื่อได้รับการโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว  หรือนำที่ดินที่มีการตกลงจะซื้อจะขายกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ไปขายให้บุคคลอื่นโดยที่ตนได้รับส่วนกำไรจากการขาย เรื่องนี้ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นเท่าไหร  เพราะการชำระค่าที่ดินในปัจจุบันจะจ่ายเป็น แคชเชียร์เช็ค


วิธีป้องการ กลโกง การหลอกลวงเกี่ยวกับที่ดิน

บัญญัติ 10 อย่างเพื่อการป้องกัน

1. การเก็บรักษาโฉนดที่ดิน หรือ น.ส.3
เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ต้องเก็บรักษาเอกสารของตนไว้ในที่ปลอดภัยอย่าให้หายหรือถูกขโมยไปเป็นอันขาด  และเมื่อเอกสารสิทธิ์หายไปให้รีบแจ้งความโดยเร็ว  และให้ไปพบเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกฉบับใหม่

2. อย่าหลงเชื่อบุคคลอื่นที่ขอยืมโฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์ เพราะบางครั้งคนที่รู้จักดีหรือแม้กระทั่งพี่น้อง ลูกหลานจะมาพูดจาหว่านล้อมขอยืมโฉนดเพื่อเอาไปให้คนโน้น คนนี้ดู เพื่อจะขายหรือจำนอง แต่กลับเอาไปทำอย่างอื่นแทน

3. อย่าเซ็นชื่อในใบมอบอำนาจที่ไม่มีการกรอกข้อความครบถ้วน  ถ้าจะทำนิติกรรมเรื่องใดก็ให้เขียนลงไปในใบมอบอำนาจให้ชัดเจน  โดยใบมอบอำนาจจะต้องลงรายละเอียดให้ชัดเจนเรียบร้อยทุกิย่างก่อนที่จะเซ็นมอบอำนาจให้ผู้ใดไป

4. อย่าหลงเชื่่อนายหน้า เพราะนายหน้าบางรายหวังผลประโยชน์ตนเป็นใหญ่  ไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นความเสียหายอาจเกิดได้ทุกเวลา  ทางที่ดีควรติดต่อกับเจ้าของที่ดิน หรือผู้ซื้อบ้างไม่ใช้ติดต่อผ่านนายหน้าอย่างเดียว

5. ผู้รับมอบอำนาจต้องเป็นผู้ที่ไว้ใจได้  มีความประพฤติดีเชื่อถือได้  ไม่ควรมอบอำนาจให้กับผู้อื่นที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน  และถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ควรไปติดต่อเรื่องที่ดินด้วยตนเองจะปลอดภัยกว่า

6. ต้องจดทะเบียนนิติกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดินตามที่กฎหมายกำหนด  อย่าทำสัญญากู้เงิน หรือขายฝากกันเองโดยรับมอบโฉนดไว้เป็นประกันเป็นอันขาด  เพราะโฉนดที่นำมาประกันอาจเป็นของปลอม หรืออาจจะไปแจ้งหายแล้วของฉบับใหม่แทนอีกก็ได้  และการทำนิติกรรมก็จะัไม่มีผลบังคับใช้ได้  ต้องทำกับเจ้าพนักงานที่ดินเท่านั้น

7. ต้องตรวจสอบที่ดินก่อนและตรวจสอบโฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์ด้วย  ก่อนจะซื้อ รับจำนอง หรือรับซื้อฝากที่ดิน  ควรไปตรจสอบดูที่ตั้งที่ดินก่อนว่าอยู่ตรงไหน หลักหมุดตรงกับเอกสารหรือไม่ สภาพเป็นอย่างไร  ราคารับได้มั๊ย แล้วก็ไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่สำนักงานที่ดิน ระวาง ที่ตั้งที่ดินกับเจ้าพนักงานที่ดินว่าตรงกับที่เราไปดูมาหรือไม่

8.หมั่นตรวจสอบที่ดินของตนทั้งทางทะเบียน และตัวที่ดินจริง  ถ้าเจ้าของที่ดินไม่เคยทำการโอนหรือเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเลย  ควรไปขอตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินอย่างน้อยปีละครั้ง  ดูว่าที่ดินของตัวเองยังเป็นของเราตามปกติหรือไม่  หลักฐานถูกต้องตามตั้นฉบับที่สำนักงานที่ดินมีหรือไม่  เพราะเคยมีการปลอมแปลง เอกสารต่าง ๆ มาจดทะเบียนกับเจ้าพนักงานที่ดิน กว่าเจ้าของตัวจริงจะรู้เรื่องที่ดินก็มีการโอนเปลี่ยนมือกับไปหลายทอดแล้ว  จากนั้นก็ต้องไปดูที่ดินจริง ๆ ของตนด้วยว่ามีใครเข้ามาทำอะไรกับที่ดินเราหรือไม่

9. การซื้อที่ดินจัดสรร ควรซื้อจากผู้ที่ไว้วางใจได้  การซื้อที่ดินจัดสรร  ควรซื้อจากเจ้าของที่ดินที่มีหลักฐานมั่นคง  เช่นมีธนาคารเป็นผู้คำ้ประกัน หรือให้สินเชื่อ  มีใบอนุญาตให้จัดสรรที่ดินจากทางราชการ  ดูให้ดีว่าใครเป็นเจ้าของที่ดิน  เพราะมีบ่อยครั้งที่ผู้จัดสรรไม่ใช่เจ้าของที่ดิน เมื่อผู้ซื้อผ่อนชำระค่าที่ดินหมดตามสัญญา เจ้าของที่ดินก็ไม่ยอมโอนที่ดินให้  เนื่องจากผู้จัดสรรไม่ได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าของที่ดิน  เจ้าของที่ดินก็เลยไม่ยอมโอน

10. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาของผู้จัดสรร  หากเป็นการซื้อบ้านจัดสรรหรือที่ดินจัดสรร  ควรไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินว่า  โครงการจัดสรรที่ดินได้มีการจัดทำโครงการตามที่โฆษณาไว้หรือไ่ม่ เช่นการจัดสาธารณูปโภค บริการสาธารณะต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ  และการซื้อขายที่ดินต้องไปจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่  อย่าหลงเชื่อผู้จัดสรรว่าทำสัญญาซื้อขายกันเองได้  และการแจ้งราคาซื้อขายควรแจ้งตามความเป็นจริง  เพราะทางปฏิบัติมักทำสัญญากันสองฉบับ  ฉบับนึ่งเป็นการซื้อขายที่ดิน  อีกฉบับเป็นสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างบ้าน  แล้วไปจดทะเบียนเพียงสัญญาซื้อขายที่ดินสัญญาเดียว  ต่อมาก็เกิดปัญหาเรื่องหลักฐานทางทะเบียนบ้านว่าเป็นของผู้จัดสรร
245  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / smf กล่องแชทแบบสดๆ Packs Shoutbox เมื่อ: 22 มกราคม 2556 13:34:50
smf กล่องแชทแบบสดๆ Packs Shoutbox

**กรณีใช้ธีมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Default แล้วในหน้าแอดมิน ปุ่มจัดการกล่องสนทนาไม่ขึ้น (shoutbox) ให้เพิ่มโค้ดในไฟล์ Themes/ธีมปัจจุบันที่ใช้อยู่/languages/Modifications.english.php หรือ Themes/ธีมปัจจุบันที่ใช้อยู่/languages/Modifications.thai-utf8.php ของธีมปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ (ในกรณีถ้าเปิดไปในธีมแล้วไม่มีไฟล์ชื่อตามข้างต้น ให้สร้างไฟล์ใหม่ แล้วก็อบโค้ดด้านล่างวาง แล้วก็เซฟเป็นชื่อที่บอกข้างต้นเลยครับ เช่น ภาษาอังกฤษก็เซฟเป็นชื่อ Modifications.english.php ภาษาไทยก็เซฟเป็นชื่อ Modifications.thai-utf8.php แล้วนำไฟล์ดังกล่าวไปวางไว้ใน Themes/ธีมปัจจุบันที่ใช้อยู่/languages/ )

ถ้าภาษาอังกฤษไม่ขึ้นให้เพิ่มโค้ดนี้  (ใช้ในกรณีเวอร์ชั่น 1.1.xx   ส่วน 2.0.x ยังไม่ได้ลองครับ)
โค๊ด:

โค๊ด:
// Hack's Park Shoutbox -->
$txt['sba_title'] = 'Shoutbox';
$txt['sba_link'] = 'Shoutbox';

$txt['permissiongroup_shoutbox'] = 'Shoutbox';
$txt['permissionname_shoutbox_view'] = 'View Shoutbox';
$txt['permissionname_shoutbox_post'] = 'Post messages in Shoutbox';
$txt['permissiongroup_shoutbox_panel'] = 'Shoutbox Moderation Panel';
$txt['permissionname_shoutbox_edit'] = 'Edit messages in Shoutbox';
$txt['permissionname_shoutbox_delete'] = 'Delete messages in Shoutbox';
$txt['permissionname_shoutbox_prune'] = 'Empty Shoutbox';
$txt['permissionname_shoutbox_ban'] = 'Ban users in Shoutbox';
// <-- Hack's Park Shoutbox


ถ้าภาษาไทยเพิ่มโค้ดนี้
โค๊ด:
โค๊ด:
// Hack's Park Shoutbox -->
$txt['sba_title'] = 'กล่องสนทนา';
$txt['sba_link'] = 'กล่องสนทนา';

$txt['permissiongroup_shoutbox'] = 'กล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_view'] = 'ดูกล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_post'] = 'โพสต์ในกล่องสนทนา';
$txt['permissiongroup_shoutbox_panel'] = 'จัดการกล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_edit'] = 'แก้ไขข้อความในกล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_delete'] = 'ลบข้อความในกล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_prune'] = 'ลบข้อความทั้งหมดในกล่องสนทนา';
$txt['permissionname_shoutbox_ban'] = 'ระงับการใช้งานของผู้ใช้ในกล่องสนทนา';
// <-- Hack's Park Shoutbox


และถ้าธีมไหน ติดตั้งแล้วกล่องสนทนาไม่ขึ้น ให้แก้โค้ดในไฟล์ Themes/ธีมปัจจุบันที่ใช้อยู่/index.template.php
หา
โค๊ด:
โค๊ด:
}

function template_main_below()
{


ใส่โค้ดนี้ไว้ด้านหน้า
โค๊ด:
โค๊ด:
	// Hack's Park Shoutbox -->
if (function_exists('template_shoutbox')) template_shoutbox('main');
// <-- Hack's Park Shoutbox


เมื่อติดตั้งเสร็จ ถ้าต้องการเปลี่ยนสีสันตาราง แก้ได้ง่ายนิดเดียว โดยให้ไปแก้ที่ Themes/default/shoutbox.css แก้สีสัน หรือจะเพิ่มลูกเล่นอะไรตามสะดวกเลยครับ (ขนาดของ textbox อีโมชั่น ปุ่มส่ง ฯลฯ สามารถปรับแต่งได้หมดนะครับ ปรับตามไอเดียแต่ละคนเลย)  หึหึ

อย่าลืม !! เข้าไปตั้งค่าให้กลุ่มอื่น ๆ เห็นกล่องสนทนาด้วยนะครับ
ผู้ดูแล -> แก้ไขการอนุญาติ -> เลือกกลุ่มสมาชิกที่ต้องการ -> ติ๊กถูกที่ ดูกล่องสนทนา (หรือตั้งค่าตามแต่จะตั้งครับ)



เชิญ Downlaod ไฟล์ได้ที่ด้านล่างใต้ภาพ
246  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / ทีมผู้บริหาร Google เมื่อ: 22 มกราคม 2556 08:04:54
ทีมผู้บริหาร Google

แลร์รี่ เพจ และเซอร์เกย์ บรินก่อตั้ง Google เมื่อเดือนกันยายน ปี 1998 นับแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้เติบโตขึ้นจนกระทั่งมีพนักงานมากกว่า 30,000 คนทั่วโลก พร้อมด้วยทีมผู้บริหารที่มอบเทคโนโลยีที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกให้กับอุตสาหกรรมนี้





แลร์รี่ เพจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Google แลร์รี่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานประจำวันของ Google และเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีของบริษัท เขาเป็นผู้ก่อตั้ง Google ร่วมกับเซอร์เกย์ บรินในปี 1998 และศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดไปด้วยพร้อมกัน แลร์รี่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนแรกของบริษัทจนถึงปี 2001 โดยเขาได้สร้างความเติบโตและผลกำไรให้แก่บริษัทจนบริษัทมีพนักงานมากกว่า 200 คน ตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2011 แลร์รี่เป็นประธานด้านผลิตภัณฑ์

แลร์รี่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนวิทยาเขตแอนอาร์เบอร์ และระดับปริญญาโทสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติ (National Advisory Committee NAC) แห่งวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน และได้รับรางวัล Marconi Prize อันทรงเกียรติร่วมกับเซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ในปี 2004 เขาเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของคณะกรรมการในโครงการ X PRIZE และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติ (National Academy of Engineering) ในปี 2004







เอริค อี. ชมิดท์ ประธานบริหาร

ตั้งแต่เข้าร่วมทำงานกับ Google ในปี 2001 เอริค ชมิดช์ได้มีส่วนร่วมในการเติบโตของบริษัทจากจุดเริ่มต้นในซิลิกอนวัลเลย์จนมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร เขาทำหน้าที่รับผิดชอบด้านกิจการภายนอกของ Google อันได้แก่ การสร้างพันธมิตรและขยายสัมพันธภาพทางธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น การขยายโครงข่ายสู่หน่วยงานภาครัฐ และการเป็นผู้นำความคิดด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการให้คำปรึกษาแก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเจ้าหน้าที่อาวุโสในประเด็นของธุรกิจและนโยบาย

นับตั้งแต่ปี 2001-2011 เอริคดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Google โดยดูแลกลยุทธ์ทางเทคนิคและกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัท เคียงข้างไปกับสองผู้ก่อตั้งคือ เซอร์เกย์ บรินและแลร์รี่ เพจ ภายใต้การนำของเอริค Google ได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานและความหลากหลายในผลิตภัณฑ์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมไว้ได้อย่างเข้มแข็ง

ก่อนจะมาร่วมงานกับ Google เอริคเป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Novell และเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีที่ Sun Microsystems, Inc. ก่อนหน้านี้ เขาเป็นพนักงานวิจัยที่ Xerox Palo Alto Research Center (PARC), Bell Laboratories และ Zilog เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และระดับปริญญาโทและเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กเลย์

เอริคเป็นสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีและคณะกรรมการที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีในสหราชอาณาจักร เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติ (National Academy of Engineering) ในปี 2006 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์อเมริกัน (American Academy of Arts and Sciences) ในปี 2007 นอกจากนี้ เขายังเป็นประธานคณะกรรมการของมูลนิธินิวอเมริกา (New America Foundation) และตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา เขาได้เป็นทรัสตีของ Institute for Advanced Study ในพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์





เซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้ง

เซอร์เกย์ บรินเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Google Inc. ในปี 1998 ทุกวันนี้ เขาทำหน้าที่ควบคุมดูแลโครงการพิเศษ นับตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2011 เซอร์เกย์ดำรงตำแหน่งประธานด้านเทคโนโลยี ซึ่งเขาได้รับผิดชอบการปฏิบัติงานประจำวันของบริษัทร่วมกับแลร์รี่ เพจและเอริค ชมิดช์

เซอร์เกย์ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมสาขาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ที่คอลเลจพาร์ค ปัจจุบันเขาอยู่ระหว่างลาพักการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากที่นี่ เซอร์เกย์เป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติ (National Academy of Engineering) และได้รับทุนวิจัยจาก National Science Foundation Graduate Fellowship

เซอร์เกย์มีผลงานทางวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แก่ Extracting Patterns and Relations from the World Wide Web, Dynamic Data Mining: A New Architecture for Data with High Dimensionality ซึ่งเป็นผลงานร่วมกับแลร์รี่ เพจ, Scalable Techniques for Mining Casual Structures, Dynamic Itemset Counting and Implication Rules for Market Basket Data และ Beyond Market Baskets: Generalizing Association Rules to Correlations







เดวิด ซี. ดรัมมอนด์ รองประธานอาวุโสด้านการพัฒนาองค์กร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย

เดวิด ดรัมมอนด์ร่วมงานกับ Google ในปี 2002 โดยเริ่มจากการเป็นรองประธานด้านการพัฒนาบริษัท ในปัจจุบันเขาเป็นรองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย เขานำทีมระดับโลกของ Google ในด้านกฎหมาย รัฐสัมพันธ์ การพัฒนาองค์กร (โครงการ M&A และการลงทุน) และการพัฒนาธุรกิจใหม่ (ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และโอกาสในการให้ใบอนุญาต)

เดวิดเข้ามาร่วมงานกับ Google ในปี 1998 ในฐานะหุ้นส่วนในกลุ่มธุรกรรมองค์กรที่ Wilson Sonsini Goodrich and Rosati ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายชั้นนำของประเทศที่ทำงานกับธุรกิจเทคโนโลยี เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายนอกองค์กรคนแรกของ Google และทำงานกับแลร์รี่ เพจและเซอร์เกย์ บรินเพื่อจดทะเบียนตั้งบริษัทและจัดหาเงินทุนรอบแรก ระหว่างรับตำแหน่งที่ Wilson Sonsini นั้น เดวิดได้ทำงานกับบริษัทด้านเทคโนโลยีหลากหลายแห่ง โดยช่วยให้บริษัทเหล่านั้นจัดการกับธุรกรรมที่ซับซ้อน เช่น การควบรวมกิจการ การเข้าครอบครองกิจการ และการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน

เดวิดได้รับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซานตาคลารา (Santa Clara University) และ JD จากโรงเรียนกฎหมายสแตนฟอร์ด






แพทริก พิเชต รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

แพทริก พิเชตดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ Google โดยมีประสบการณ์เกือบ 20 ปีในระดับปฏิบัติการและระดับบริหารด้านการเงินในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงประสบการณ์ 7 ปีที่เบลล์ แคนาดา (Bell Canada) ตั้งแต่ปี 2001 ในตำแหน่งรองประธานบริหารด้านการวางแผนและการบริหารประสิทธิภาพ ในการทำงานที่เบลล์ แคนาดา เขาได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารหลายตำแหน่ง รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ตั้งแต่ปี 2002 ถึงสิ้นปี 2003 และมีบทบาทสำคัญในการบริหารเครือข่ายโทรคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุดในแคนาดา และการโยกย้ายไปเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่แบบ IP ในระดับชาติของหน่วยงานดังกล่าว ก่อนที่จะร่วมงานกับเบลล์ แคนาดา แพทริกเคยเป็นหุ้นส่วนที่แมคเคนซีแอนด์คัมปานี (McKinsey & Company) โดยเป็นหัวหน้าของ North American Telecom Practice ของแมคเคนซี นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ Call-Net Enterprises Inc. ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมของแคนาดาอีกด้วย

แพททริคเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท Amyris, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทชีวสังเคราะห์ มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2010 และรับตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบบัญชี และคณะกรรมการการพัฒนาภาวะผู้นำและการพิจารณาเงินชดเชยของบริษัท เขายังทำหน้าที่อยู่ในคณะกรรมการของมูลนิธิ Trudeau อีกด้วย แพทริกได้รับปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจาก Université du Québec à Montréal และได้รับทุนการศึกษา Rhodes ในการเข้าศึกษาระดับปริญญาโทสาขาปรัชญา เศรษฐศาสตร์และการเมืองที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด







คณะผู้อำนวยการ

Larry Page, CEO

Sergey Brin, Co-Founder

Eric E. Schmidt, Executive Chairman


แอล. จอห์น ดูเออร์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 1999 จอห์นเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดกับไคลเนอร์ เพอร์คินส์ คอฟิลด์ แอนด์ ไบเออร์ส (Kleiner Perkins Caufield & Byers) ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1980 นอกจากนี้ จอห์นยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Amyris, Inc บริษัทชีววิทยาสังเคราะห์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2006 และรับหน้าที่กรรมการสรรหาและกำกับดูแลของบริษัทด้วย ก่อนหน้านี้ จอห์นเคยเป็นกรรมการของอะเมซอนดอทคอม ( Amazon.com, Inc.)·บริษัทค้าปลีกบนอินเทอร์เน็ต, บริษัท อินทูอิท (Intuit, Inc.) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการธุรกิจและการเงิน, บริษัท มูฟ (Move, Inc.) ผู้จัดหาโซลูชันด้านสื่อและเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems, Inc.) ผู้จัดหาโซลูชันระบบคอมพิวเตอร์เครือข่าย จอห์นสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สคูล (Harvard Business School) ปริญญาโทวิทยาศาสตร์สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์ และปริญญาตรีวิทยาศาสตร์สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยไรซ์ (Rice University)ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอล. จอห์น ดูเออร์ »

ไดแอน บี. กรีน เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 นอกจากนี้ ไดแอนยังเป็นคณะกรรมการบริหารของ Intuit Inc. ผู้ให้บริการด้านการจัดการธุรกิจและการเงินนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 และยังอยู่ในคณะกรรมการการตรวจสอบและความเสี่ยงและคณะกรรมการสรรหาและกำกับดูแลกิจการ เมื่อปี 1998 ไดแอนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท VMware ผู้ให้บริการด้านการสร้างระบบเชิงเสมือนจริงและด้านโครงสร้างการประมวลผลแบบคลาวด์ที่อยู่บนพื้นฐานของการสร้างระบบเชิงเสมือนจริง และทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัทมหาชนในปี 2007 ไดแอนเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานบริษัท VMware ตั้งแต่ปี 1998 ถึงปี 2008 เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ VMware ตั้งแต่ปี 2007 ถึงปี 2008 และเป็นรองประธานบริหารของ EMC Corporation ผู้ให้บริการเทคโนโลยี โซลูชัน และบริการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริง นับตั้งแต่ปี 2005 ถึงปี 2008 ก่อนมาอยู่ที่ VMware ไดแอนดำรงตำแหน่งผู้นำทางด้านเทคนิคที่ Silicon Graphics Inc. ผู้ให้บริการด้านการคำนวณ การจัดเก็บ และศูนย์ข้อมูลทางเทคนิค และที่ Tandem Computers Inc. ผู้ผลิตระบบคอมพิวเตอร์ และที่ Sybase Inc. ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์องค์กรและบริการระดับโลก และยังเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ VXtreme Inc. ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สื่อสตรีมมิงอีกด้วย ไดแอนยังเป็นสมาชิกของ MIT Corporation ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) อีกด้วย ไดแอนสำเร็จการศึกษาปริญญาโทวิทยาศาสตรบัณฑิตในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กเลย์ ปริญญาโทวิทยาศาสตร์บัณฑิตในสาขาสถาปัตยกรรมเรือจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนท์

จอห์น แอล. เฮนเนสซี่ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนเมษายน 2004 และดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรรมการอิสระตั้งแต่เดือนเมษายน 2007 จอห์นได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2000 ตั้งแต่ปี 1994 ถึงเดือนสิงหาคมปี 2000 จอห์นดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งที่สแตนฟอร์ด รวมทั้งเป็นคณบดีของ Stanford University School of Engineering และเป็นประธานของ Stanford University Department of Computer Science ด้วย จอห์นได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ (Cisco Systems, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบเครือข่าย ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2002 และรับหน้าที่กรรมการสรรหาและกำกับดูแลของบริษัทและกรรมการเข้าซื้อกิจการ ก่อนหน้านี้ จอห์นเคยเป็นประธานคณะกรรมการบริหารของแอเทอรอส คอมมูนิเคชันส์ (Atheros Communications, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ไร้สาย จอห์นสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์กที่สโตนีบรูค (State University of New York, Stony Brook) และปริญญาตรีวิทยาศาสตร์สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา (Villanova University)ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอห์น แอล. เฮนเนสซี่ »

แอนน์ เมเธอร์ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2005 แอนน์ยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของบริษัทต่อไปนี้: Glu Mobile Inc. บริษัทผู้เผยแพร่เกมคอมพิวเตอร์ มาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2005 และทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีของบริษัทด้วย, MGM Holdings Inc. บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ มาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2010 และดำรงตำแหน่งกรรมการพิจารณาเงินชดเชย, MoneyGram International ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการชำระเงินระดับโลก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2010 และ Netflix, Inc. บริษัทผู้ให้บริการการสมัครสมาชิกรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2010 และดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบบัญชีของบริษัทด้วย ก่อนหน้านี้ แอนน์เคยเป็นกรรมการของ Central European Media Enterprises Group ผู้พัฒนาและดำเนินงานสถานีและช่องโทรทัศน์เชิงพาณิชย์ระดับประเทศในแถบยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก, Zappos.com, Inc. กิจการค้าปลีกทางออนไลน์ที่เป็นของเอกชน จนกระทั่งบริษัทนี้ถูกซื้อโดย Amazon.com, Inc.บริษัทค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต ในปี 2009 และ Shopping.com, Inc เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการ จนบริษัทนี้ถูกซื้อโดย eBay Inc. บริษัทอี-คอมเมิร์ซ ในปี 2005 นับตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2004 แอนน์ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของพิกซาร์ (Pixar) ซึ่งเป็นสตูดิโอสร้างคอมพิวเตอร์แอนิเมชัน ก่อนที่แอนน์จะเข้าดำรงตำแหน่งที่พิกซาร์ เธอเป็นรองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินที่วิลเลจ โรดโชว์ พิคเจอร์ (Village Roadshow Pictures) ซึ่งเป็นสายงานที่ผลิตภาพยนตร์ให้กับวิลเลจ โรดโชว์ ลิมิเต็ด (Village Roadshow Limited) แอนน์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) และเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต

พอล เอส. โอเทลินี เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2004 พอลขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานบริษัทอินเทล คอร์ปอเรชั่น (Intel Corporation) ซึ่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2005 พอลเข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารบริษัทอินเทลตั้งแต่ปี 2002 เขายังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของอินเทลตั้งแต่ปี 2002 จนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2005 อีกด้วย นับตั้งแต่ปี 1974 ถึง 2002 พอลเข้ารับตำแหน่งหลายตำแหน่งที่อินเทล รวมทั้งเป็นรองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของอินเทล อาร์คิเทคเจอร์ กรุ๊ป (Intel Architecture Group) และเป็นรองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มการขายและการตลาด พอลสำเร็จการศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กเลย์ และปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพอล เอส. โอเทลินี »

เค. ราม ศรีราม เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนกันยายนปี 1998 รามเป็นหุ้นส่วนบริหารของ Sherpalo Ventures LLC บริษัทร่วมลงทุน ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2000 ก่อนที่จะเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 1998 ถึงกันยายน ปี 1999 รามดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจที่บริษัท อะเมซอนดอทคอม (Amazon.com, Inc.) บริษัทค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว รามเป็นประธานบริษัท Junglee Corporation บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีฐานข้อมูล ซึ่งอะเมซอนดอทคอมเข้าซื้อกิจการในปี 1998 รามเป็นสมาชิกยุคแรกเริ่มของทีมผู้บริหารที่ Netscape Communications Corporation นอกจากนี้ เขายังเป็นกรรมการทรัสตีของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดอีกด้วย รามสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมาดราส (University of Madras) ประเทศอินเดียข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเค. ราม ศรีราม »

เชอร์ลีย์ เอ็ม. ทิลต์แมน เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2005 เชอร์ลีย์ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2001 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1986 ถึงมิถุนายนปี 2001 เธอเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1988 ถึงมิถุนายนปี 2001 เชอร์ลีย์รับหน้าที่นักวิจัยที่ Howard Hughes Medical Institute ในปี 1998 เชอร์ลีย์ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ก่อตั้งสถาบัน Lewis-Sigler Institute for Integrative Genomics ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันด้วย เชอร์ลีย์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยเทมเพิล (Temple University) และปริญญาตรีเกียรตินิยมวิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาเคมีจากมหาวิทยาลัยควีนส์ (Queen’s University)ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชอร์ลีย์ เอ็ม. ทิลต์แมน »


ที่มา : google.com
247  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / จ๊ะเอ๋ เซอร์เก้ บริน สวม Google Glass บนรถไฟใต้ดินนิวยอร์ค เมื่อ: 22 มกราคม 2556 07:42:17


แม้ว่าเซอร์เก้ บริน ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล มีเงินมากพอที่จะขึ้นรถลีมูซีนไปไหนมาไหนได้สบาย ๆ แต่ล่าสุดมีผู้พบเห็นเขานั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 ในกรุงนิวยอร์ค พร้อมสวม Google Glass อยู่ด้วย

สำหรับเหตุผลที่เขาขึ้นรถไฟใต้ดิน พร้อมกับสวม Google Glass ไปด้วยนั้นยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะกำลังทดสอบการใช้งาน Google Glass ในที่อับสัญญาณด้วยตัวเอง

เช่นกัน เมื่อเดือนที่แล้วนี้มีผู้พบเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังสวม Google Glass เวอร์ชันที่ออกแบบมาสำหรับคนที่สายตาสั้นกลางกรุงนิวยอร์ค เพราะฉะนั้นคนที่ใส่แว่นก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าสามารถใช้ Google Glass ได้หรือไม่

ปลายเดือนนี้ กูเกิลมีแผนที่จะจัดงานสำหรับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับ Google Glass ที่กรุงนิวยอร์ค และซานฟรานซิสโก โดยนักพัฒนาที่ถูกเลือกโดยกูเกิลจะสามารถเข้าถึง Google Glass ได้อย่างเต็มที่

ที่มา - Slashgear
248  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ภาพและเสียงเพื่อความบันเทิง / Re: หมอแคนระดับโลก เมื่อ: 22 มกราคม 2556 07:37:12
ลุดวิก ฟาน บีโธเฟ่น (Ludwig Van Beethoven)

ลุดวิก ฟาน บีโธเฟ่น (เยอรมัน: Ludwig van Beethoven; [ˈluːtvɪç fan ˈbeːt.hoːfn̩]; 16 ธันวาคม ค.ศ. 1770 - 26 มีนาคม ค.ศ. 1827) เป็นคีตกวีและนักเปียโนชาวเยอรมัน เกิดที่เมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี


เบโธเฟ่นเป็นตัวอย่างของศิลปินยุคโรแมนติกผู้โดดเดี่ยว และไม่เป็นที่เข้าใจของบุคคลในยุคเดียวกันกับเขา ในวันนี้ เขาได้กลายเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขากันอย่างกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่ง ตลอดชีวิตของเขามีอุปสรรคนานัปการที่ต้องฝ่าฟัน ทำให้เกิดความเครียดสะสมในใจเขา ในรูปภาพต่างๆ ที่เป็นรูปเบโธเฟน สีหน้าของเขาหลายภาพแสดงออกถึงความเครียด แต่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเขา ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆในชีวิตของเขาได้ ตำนานที่คงอยู่นิรันดร์เนื่องจากได้รับการยกย่องจากคีตกวีโรแมนติกทั้งหลาย เบโธเฟ่นได้กลายเป็นแบบอย่างของพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียมทาน ซิมโฟนีของเขา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งซิมโฟนีหมายเลข 5 ซิมโฟนีหมายเลข 6 ซิมโฟนีหมายเลข 7 และ ซิมโฟนีหมายเลข 9) และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนที่เขาประพันธ์ขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนแชร์โตหมายเลข 4 และ หมายเลข 5) เป็นผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็มิได้รวมเอาความเป็นอัจฉริยะทั้งหมดของคีตกวีไว้ในนั้น


ประวัติ

ลุดวิก ฟาน เบโธเฟ่นเกิดที่เมืองบอนน์ (ประเทศเยอรมนี) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1770 และได้เข้าพิธีศีลจุ่มในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1770 เป็นลูกชายคนรองของโยฮันน์ ฟาน เบโธเฟ่น (Johann van Beethoven) กับ มาเรีย มักเดเลนา เคเวริค (Maria Magdelena Keverich) ขณะที่เกิดบิดามีอายุ 30 ปี และมารดามีอายุ 26 ปี ชื่อต้นของเขาเป็นชื่อเดียวกับปู่ และพี่ชายที่ชื่อลุดวิกเหมือนกัน แต่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ครอบครัวของเขามีเชื้อสายเฟลมิช (จากเมืองเมเชเลนในประเทศเบลเยียม) ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใด นามสกุลของเขาจึงขึ้นต้นด้วย ฟาน ไม่ใช่ ฟอน ตามที่หลายคนเข้าใจ

บิดาเป็นนักนักร้องในคณะดนตรีประจำราชสำนัก และเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบ ซ้ำยังติดสุรา รายได้เกินครึ่งหนึ่งของครอบครัวถูกบิดาของเขาใช้เป็นค่าสุรา ทำให้ครอบครัวยากจนขัดสน บิดาของเขาหวังจะให้เบโธเฟ่น ได้กลายเป็นนักดนตรีอัจฉริยะอย่าง โมซาร์ท นักดนตรีอีกคนที่โด่งดังในช่วงยุคที่เบโธเฟ่นยังเด็ก จึงเริ่มสอนดนตรีให้ใน ค.ศ. 1776 ขณะที่เบโธเฟ่นอายุ 5 ปี

แต่ด้วยความหวังที่ตั้งไว้สูงเกินไป (ก่อนหน้าเบโธเฟ่นเกิด โมซาร์ทสามารถเล่นดนตรีหาเงินให้ครอบครัวได้ตั้งแต่อายุ 6 ปี บิดาของเบโธเฟ่นตั้งความหวังไว้ให้เบโธเฟ่นเล่นดนตรีหาเงินภายในอายุ 6 ปีให้ได้เหมือนโมซาร์ท) ประกอบกับเป็นคนขาดความรับผิดชอบเป็นทุนเดิม ทำให้การสอนดนตรีของบิดานั้นเข้มงวด โหดร้ายทารุณ เช่น ขังเบโธเฟ่นไว้ในห้องกับเปียโน 1 หลัง , สั่งห้ามไม่ให้เบโธเฟ่นเล่นกับน้อง ๆ เป็นต้น ทำให้เบโธเฟ่นเคยท้อแท้กับเรื่องดนตรี แต่เมื่อได้เห็นสุขภาพมารดาที่เริ่มกระเสาะกระแสะด้วยวัณโรค ก็เกิดความพยายามสู้เรียนดนตรีต่อไป เพื่อหาเงินมาสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว

ค.ศ. 1777 เบโธเฟ่นเข้าเรียนโรงเรียนสอนภาษาละตินสำหรับประชาชนที่เมืองบอนน์

ค.ศ. 1778 การฝึกซ้อมมานานสองปีเริ่มสัมฤทธิ์ผล เบโธเฟ่นสามารถเปิดคอนเสิร์ตเปียโนในที่สาธารณะได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม ขณะอายุ 7 ปี 3 เดือน ที่เมืองโคโลญจน์ (Cologne) แต่บิดาของเบโธเฟ่นโกหกประชาชนว่าเบโธเฟ่นอายุ 6 ปี เพราะอายุเบโธเฟ่นยิ่งน้อย ประชาชนจะยิ่งให้ความสนใจมากขึ้น ในฐานะนักดนตรีที่เก่งตั้งแต่เด็ก

หลังจากนั้น เบโธเฟ่นก็เรียนไวโอลินและออร์แกนกับอาจารย์หลายคน จนใน ค.ศ. 1781 เบโธเฟ่นได้เป็นศิษย์ของคริสเตียน กอตท์โลบ เนเฟ (Christian Gottlob Neefe) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สร้างความสามารถในชีวิตให้เขามากที่สุด เนเฟสอนเบโธเฟ่นในเรื่องเปียโนและการแต่งเพลง

ค.ศ. 1784 เบโธเฟ่นสามารถเข้าไปเล่นออร์แกนในคณะดนตรีประจำราชสำนัก ในตำแหน่งนักออร์แกนที่สองในคณะดนตรีประจำราชสำนัก มีค่าตอบแทนให้พอสมควร แต่เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ ก็หมดไปกับค่าสุราของบิดาเช่นเคย

ค.ศ. 1787 เบโธเฟ่นเดินทางไปยังเมืองเวียนนา(Vienna) เพื่อศึกษาดนตรีต่อ เขาได้เข้าพบโมซาร์ท และมีโอกาสเล่นเปียโนให้โมซาร์ทฟัง เมื่อโมซาร์ทได้ฟังฝีมือของเบโธเฟ่นแล้ว กล่าวกับเพื่อนว่าเบโธเฟ่นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกดนตรีต่อไป แต่อยู่เมืองนี้ได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็ได้รับข่าวว่าอาการวัณโรคของมารดากำเริบหนัก จึงต้องรีบเดินทางกลับบอนน์ หลังจากกลับมาถึงบอนน์และดูแลมารดาได้ไม่นาน มารดาของเขาก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1787 ด้วยวัย 43 ปี เบโธเฟ่นเศร้าโศกซึมเซาอย่างรุนแรง ในขณะที่บิดาของเขาก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่การเสียใจของบิดานั้น ทำให้บิดาของเขาดื่มสุราหนักขึ้น ไร้สติ จนในที่สุดก็ถูกไล่ออกจากคณะดนตรีประจำราชสำนัก เบโธเฟ่นในวัย 16 ปีเศษ ต้องรับบทเลี้ยงดูบิดาและน้องชายอีก 2 คน

ค.ศ. 1788 เบโธเฟ่นเริ่มสอนเปียโนให้กับคนในตระกูลบรอยนิงค์ เพื่อหาเงินให้ครอบครัว

ค.ศ. 1789 เบโธเฟ่นเข้าเป็นนักศึกษาไม่คิดหน่วยกิตในมหาวิทยาลัยบอนน์

ค.ศ. 1792 เบโธเฟ่นตั้งรกรากที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เบโธเฟ่นมีโอกาสศึกษาดนตรีกับโจเซฟ ไฮเดิน หลังจากเขาเดินทางมาเวียนนาได้ 1 เดือน ก็ได้รับข่าวว่าบิดาป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต (มาเวียนนาครั้งก่อน อยู่ได้ครึ่งเดือนมารดาป่วยหนัก มาเวียนนาครั้งนี้ได้หนึ่งเดือนบิดาป่วยหนัก) แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจไม่กลับบอนน์ แบ่งหน้าที่ในบอนน์ให้น้องทั้งสองคอยดูแล และในปีนั้นเองบิดาของเบโธเฟ่นก็สิ้นใจลงโดยไม่มีเบโธเฟ่นกลับไปดูใจ แต่ทางเบโธเฟ่นเองก็ประสบความสำเร็จในการแสดงคอนเสิร์ตในฐานะนักเปียโนเอก และผู้ที่สามารถเล่นได้โดยคิดทำนองขึ้นมาได้สด ๆ ทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงขุนนางและครอบครัวของขุนนาง

ค.ศ. 1795 เขาเปิดการแสดงดนตรีในโรงละครสาธารณะในเวียนนา และแสดงต่อหน้าประชาชน ทำให้เบโธเฟ่นเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น

ค.ศ. 1796 ระบบการได้ยินของเบโธเฟ่นเริ่มมีปัญหา เขาเริ่มไม่ได้ยินเสียงในสถานที่กว้าง ๆ และเสียงกระซิบของผู้คน เขาตัดสินใจปิดเรื่องหูตึงนี้เอาไว้ เพราะในสังคมยุคนั้น ผู้ที่ร่างกายมีปัญหา(พิการ) จะถูกกลั่นแกล้ง เหยียดหยาม จนในที่สุดผู้พิการหลายคนกลายเป็นขอทาน ดังนั้น เขาต้องประสบความสำเร็จให้ได้เสียก่อนจึงจะเปิดเผยเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็เริ่มประพันธ์บทเพลงขึ้นมา แล้วจึงหันเหจากนักดนตรีมาเป็นผู้ประพันธ์เพลง เขาสร้างสรรค์ผลงานที่มีแนวแตกต่างไปจากดนตรียุคคลาสสิกคือ ใช้รูปแบบยุคคลาสสิก แต่ใช้เนื้อหาจากจิตใจ ความรู้สึกในการประพันธ์เพลง จึงทำให้ผลงานเป็นตัวของตัวเอง เนื้อหาของเพลงเต็มไปด้วยการแสดงออกของอารมณ์อย่างเด่นชัด

ค.ศ. 1801 เบโธเฟ่นเปิดเผยเรื่องปัญหาในระบบการได้ยินให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้สังคมยอมรับ ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอาการหูตึงอีก หลังจากนั้น ก็เป็นยุคที่เขาประพันธ์เพลงออกมามากมาย แต่เพลงที่เขาประพันธ์นั้นจะมีปัญหาตรงที่ล้ำสมัยเกินไป ผู้ฟังเพลงไม่เข้าใจในเนื้อหา แต่ในภายหลัง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเข้าใจในเนื้อเพลงของเบโธเฟ่น บทเพลงหลายเพลงเหล่านั้นก็เป็นที่นิยมล้นหลามมาถึงปัจจุบัน

เมื่อเบโธเฟ่นโด่งดังก็ย่อมมีผู้อิจฉา มีกลุ่มที่พยายามแกล้งเบโธเฟ่นให้ตกต่ำ จนเบโธเฟ่นคิดจะเดินทางไปยังเมืองคาสเซล ทำให้มีกลุ่มผู้ชื่นชมในผลงานของเบโธเฟ่มาขอร้องไม่ให้เขาไปจากเวียนนา พร้อมทั้งเสนอตัวให้การสนับสนุนการเงิน โดยมีข้อสัญญาว่าเบโธเฟ่นต้องอยู่ในเวียนนา ทำให้เขาสามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ และผลิตผลงานตามที่ต้องการโดยไม่ต้องรับคำสั่งจากใคร

เบโธเฟ่นโด่งดังมากในฐานะคีตกวี อาการสูญเสียการได้ยินมีมากขึ้น แต่เขาพยายามสร้างสรรค์ผลงานจากความสามารถและสภาพที่ตนเป็นอยู่ มีผลงานชั้นยอดเยี่ยมให้กับโลกแห่งเสียงเพลงเป็นจำนวนมาก ผลงานอันโด่งดังในช่วงนี้ได้แก่ ซิมโฟนีหมายเลข 5 ที่เบโธเฟ่นถ่ายทอดท่วงทำนองออกมาเป็นจังหวะ สั้น - สั้น - สั้น - ยาว อาการไม่ได้ยินรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และ ซิมโฟนีหมายเลข 9 ที่เขาประพันธ์ออกมาเมื่อหูหนวกสนิทตั้งแต่ปี ค.ศ. 1819 เป็นต้นมา รวมทั้งบทเพลงควอเต็ตเครื่องสายที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาก็ประพันธ์ออกมาในช่วงเวลานี้เช่นกัน

ในช่วงนี้ เบโธเฟ่นมีอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับหลานชายที่เขารับมาอุปการะ เขาถูกหาว่าเป็นคนบ้า และถูกเด็ก ๆ ขว้างปาด้วยก้อนหินเมื่อเขาออกไปเดินตามท้องถนน แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธความเป็นอัจฉริยะของเขาได้ แต่ภายหลังเขาก็ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกับหลานชายเป็นที่เรียบร้อย

ค.ศ. 1826 โรคเรื้อรังในลำไส้ที่เบโธเฟ่นเป็นมานานก็กำเริบหนัก หลังจากรักษาแล้ว ได้เดินทางมาพักฟื้นที่บ้านน้องชายบนที่ราบสูง แต่อารมณ์แปรปรวนก็ทำให้เขาทะเลาะกับน้องชายจนได้ เขาตัดสินใจเดินทางกลับเวียนนาในทันที แต่รถม้าที่นั่งมาไม่มีเก้าอี้และหลังคา เบโธเฟ่นทนหนาวมาตลอดทาง ทำให้เป็นโรคปอดบวม แต่ไม่นานก็รักษาหาย

12 ธันวาคม ค.ศ. 1826 โรคเรื้อรังในลำไส้และตับของเบโธเฟ่นกำเริบหนัก อาการทรุดลงตามลำดับ

26 มีนาคม ค.ศ. 1827 เบโธเฟ่นก็เสียชีวิตลง พิธีศพของเขาจัดขึ้นอย่างอลังการในโบสถ์เซนต์ ตรินิตี โดยมีผู้มาร่วมงานกว่า 20,000 คน ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่สุสานกลางในกรุงเวียนนา


รูปแบบทางดนตรีและนวัตกรรม

ในประวัติศาสตร์ดนตรีแล้ว ผลงานของเบโธเฟ่นแสดงถึงช่วงรอยต่อระหว่างยุคคลาสสิก (ค.ศ. 1750 - ค.ศ. 1810) กับ ยุคโรแมนติก (ค.ศ. 1810 - ค.ศ. 1900) ในซิมโฟนีหมายเลข 5 ของเขา เบโธเฟ่นได้นำเสนอทำนองหลักที่เน้นอารมณ์รุนแรงในท่อนโหมโรง เช่นเดียวกับในอีกสี่ท่อนที่เหลือ (เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในผลงานประพันธ์ช่วงวัยเยาว์ของเขา) ช่วงต่อระหว่างท่อนที่สามกับท่อนสุดท้าย เป็นทำนองหลักของอัตทากาโดยไม่มีการหยุดพัก และท้ายสุด ซิมโฟนีหมายเลข 9 ได้มีการนำการขับร้องประสานเสียงมาใช้ในบทเพลงซิมโฟนีเป็นครั้งแรก (ในท่อนที่สี่) ผลงานทั้งหลายเหล่านี้นับเป็นนวัตกรรมทางดนตรีอย่างแท้จริง

เขาได้ประพันธ์โอเปราเรื่อง "ฟิเดลิโอ" โดยใช้เสียงร้องในช่วงความถี่เสียงเช่นเดียวกับเครื่องดนตรีในวงซิมโฟนี โดยมิได้คำนึงถึงขีดจำกัดของนักร้องประสานเสียงแต่อย่างใด

หากจะนับว่าผลงานของเขาประสบความสำเร็จต่อสาธารณชน นั่นก็เพราะแรงขับทางอารมณ์ที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นในงานของเขา

ในแง่ของเทคนิคทางดนตรีแล้ว เบโธเฟ่นได้ใช้ทำนองหลักหล่อเลี้ยงบทเพลงทั้งท่อน และนับเป็นผลสัมฤทธิ์ทางดนตรีที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มข้นทางจังหวะที่มีความแปลกใหม่อยู่ในนั้น เบโธเฟ่นได้ปรับแต่งทำนองหลัก และเพิ่มพูนจังหวะต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการของบทเพลงเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ

เขาใช้เทคนิคนี้ในผลงานเลื่องชื่อหลายบท ไม่ว่าจะเป็นท่อนแรกของเปียโนคอนแชร์โตหมายเลข 4 (ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรก) ท่อนแรกของซิมโฟนีหมายเลข 5 (ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรกเช่นกัน) ท่อนที่สองของซิมโฟนีหมายเลข 7 (ในจังหวะอนาเปสต์) การนำเสนอความสับสนโกลาหลของท่วงทำนองในรูปแบบแปลกใหม่ตลอดเวลา ความเข้มข้นของท่วงทำนองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่ย้อนกลับมาสู่โสตประสาทของผู้ฟังอยู่เรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้เกิดความประทับใจต่อผู้ฟังอย่างถึงขีดสุด

เบโธเฟ่นยังเป็นบุคคลแรก ๆ ที่ศึกษาศาสตร์ของวงออร์เคสตราอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบทเพลง การต่อบทเพลงเข้าด้วยกันโดยเปลี่ยนรูปแบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโน้ตแผ่นที่เขาเขียนให้เครื่องดนตรีชิ้นต่าง ๆ นั้น ได้แสดงให้เห็นวิธีการนำเอาทำนองหลักกลับมาใช้ในบทเพลงเดียวกันในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ โดยมีการปรับเปลี่ยนเสียงประสานเล็กน้อยในแต่ละครั้ง การปรับเปลี่ยนโทนเสียงและสีสันทางดนตรีอย่างไม่หยุดยั้ง เปรียบได้กับการเริ่มบทสนทนาใหม่ โดยที่ยังรักษาจุดอ้างอิงของความทรงจำเอาไว้

สาธารณชนในขณะนี้จะรู้จักผลงานซิมโฟนีและคอนแชร์โตของเบโธเฟ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ มีน้อยคนที่ทราบว่าผลงานการคิดค้นแปลกใหม่ที่สุดของเบโธเฟ่นนั้นได้แก่แชมเบอร์มิวสิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซนาตาสำหรับเปียโน 32 บท และบทเพลงสำหรับวงควอเต็ตเครื่องสาย 16 บท นั้นนับเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางดนตรีอันเจิดจรัส --- โซนาตาสำหรับเครื่องดนตรีสองหรือสามชิ้นนับเป็นผลงานสุดคลาสสิก --- บทเพลงซิมโฟนีเป็นผลงานคิดค้นรูปแบบใหม่ --- ส่วนบทเพลงคอนแชร์โตนั้น ก็นับว่าควรค่าแก่การฟัง


ผลงานซิมโฟนี


โจเซฟ ไฮเดินได้ประพันธ์ซิมโฟนีไว้กว่า 100 บท โมซาร์ทประพันธ์ไว้กว่า 40 บท หากจะนับว่ามีคีตกวีรุ่นพี่เป็นตัวอย่างที่ดีแล้ว เบโธเฟ่นไม่ได้รับถ่ายทอดมรดกด้านความรวดเร็วในการประพันธ์มาด้วย เพราะเขาประพันธ์ซิมโฟนีไว้เพียง 9 บทเท่านั้น และเพิ่งจะเริ่มประพันธ์ซิมโฟนีหมายเลข 10 แต่สำหรับซิมโฟนีทั้งเก้าบทของเบโธเฟ่นนั้น ทุกบทต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ซิมโฟนีสองบทแรกของเบโธเฟ่นได้รับแรงบันดาลใจและอิทธิพลจากดนตรีในยุคคลาสสิก อย่างไรก็ดี ซิมโฟนีหมายเลข 3 ที่มีชื่อเรียกว่า "อิรอยก้า" จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเรียบเรียงวงออร์เคสตราของเบโธเฟ่น ซิมโฟนีบทนี้แสดงถึงความทะเยอทะยานทางดนตรีมากกว่าบทก่อน ๆ เฮโรอิกโดดเด่นด้วยความสุดยอดของเพลงทุกท่อน และการเรียบเรียงเสียงประสานของวงออร์เคสตรา เพราะแค่ท่อนแรกเพียงอย่างเดียวก็มีความยาวกว่าซิมโฟนีบทอื่น ๆ ที่ประพันธ์กันในสมัยนั้นแล้ว ผลงานอันอลังการชิ้นนี้ได้ถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นโปเลียน โบนาปาร์ต และส่งเบโธเฟ่นขึ้นสู่ตำแหน่งสุดยอดสถาปนิกทางดนตรี และเป็นคีตกวีคนแรกแห่งยุคโรแมนติก
   
Symphonie 5 c-moll - 1. Allegro con brio
Menu
0:00
ฟังไฟล์นี้ไม่ได้ ให้ดูหน้าช่วยเหลือ

แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นซิมโฟนีที่สั้นกว่าและคลาสสิกกว่าซิมโฟนีบทก่อนหน้า ท่วงทำนองของโศกนาฏกรรมในท่อนโหมโรงทำให้ซิมโฟนีหมายเลข 4 เป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการทางรูปแบบของเบโธเฟ่น ต่อจากนั้นก็ตามมาด้วยซิมโฟนีสุดอลังการสองบทที่ถูกประพันธ์ขึ้นในคืนเดียวกัน อันได้แก่ซิมโฟนีหมายเลข 5 และซิมโฟนีหมายเลข 6 - หมายเลข 5 นำเสนอทำนองหลักเป็นโน้ตสี่ตัว สั้น - สั้น - สั้น - ยาว สามารถเทียบได้กับซิมโฟนีหมายเลข 3 ในแง่ของความอลังการ และยังนำเสนอรูปแบบทางดนตรีใหม่ด้วยการนำทำนองหลักของโน้ตทั้งสี่ตัวกลับมาใช้ตลอดทั้งเพลง ส่วนซิมโฟนีหมายเลข 6 ที่มีชื่อว่า ปาสตอราล นั้นชวนให้นึกถึงธรรมชาติที่เบโธเฟ่นรักเป็นหนักหนา นอกเหนือจากช่วงเวลาที่เงียบสงบชวนฝันที่ผู้ฟังสามารถรู้สึกได้เมื่อฟังซิมโฟนีบทนี้แล้ว มันยังประกอบด้วยท่อนที่แสดงถึงพายุโหมกระหน่ำที่เสียงเพลงสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างเหมือนจริงที่สุดอีกด้วย

แม้ว่าซิมโฟนีหมายเลข 7 จะมีท่อนที่สองที่ใช้รูปแบบของเพลงมาร์ชงานศพ แต่ก็โดดเด่นด้วยรูปแบบที่สนุกสนานและจังหวะที่รุนแรงเร่าร้อนในท่อนจบของเพลง ริชาร์ด วากเนอร์ได้กล่าวถึงซิมโฟนีบทนี้ว่า เป็น "ท่อนจบอันเจิดจรัสสำหรับการเต้นรำ" ซิมโฟนีบทต่อมา (ซิมโฟนีหมายเลข Cool เป็นการย้อนกลับมาสู่รูปแบบคลาสสิก ด้วยท่วงทำนองที่เปล่งประกายและสื่อถึงจิตวิญญาณ

ท้ายสุด ซิมโฟนีหมายเลข 9 เป็นซิมโฟนีบทสุดท้ายที่เบโธเฟ่นประพันธ์จบ นับเป็นอัญมณีแห่งซิมโฟนีทั้งหลาย ประกอบด้วยบทเพลงสี่ท่อน รวมความยาวกว่าหนึ่งชั่วโมง และมิได้ยึดติดกับรูปแบบของโซนาตา แต่ละท่อนของซิมโฟนีบทนี้นับได้ว่าเป็นผลงานชั้นครูในตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเบโธเฟ่นได้หลุดพ้นจากพันธนาการของยุคคลาสสิก และได้ค้นพบรูปแบบใหม่ในการเรียบเรียงเสียงประสานของวงออร์เคสตราในที่สุด ในท่อนสุดท้าย เบโธเฟ่นได้ใส่บทร้องประสานเสียงและวงควอเต็ตประสานเสียงเข้าไป เพื่อขับร้อง "บทเพลงแห่งความอภิรมย์" ซึ่งเป็นบทกวีของ เฟรดริก ฟอน ชิลเลอร์ บทประพันธ์ชิ้นนี้ได้เรียกร้องให้มีความรักและภราดรภาพในหมู่มวลมนุษย์ และซิมโฟนีบทนี้ได้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก "บทเพลงแห่งความอภิรมย์" ยังได้ถูกเลือกให้เป็นบทเพลงประจำชาติของยุโรปอีกด้วย

นอกเหนือจากซิมโฟนีแล้ว เบโธเฟ่นยังได้ประพันธ์ คอนแชร์โตสำหรับไวโอลิน ที่สุดแสนไพเราะไว้อีกด้วย และได้ถ่ายทอดบทเพลงเดียวกันออกมาเป็นคอนแชร์โตสำหรับเปียโน ที่ใช้ชื่อว่า คอนแชร์โตหมายเลข 6 นอกจากนั้นก็ยังมี คอนแชร์โตสามชิ้นสำหรับไวโอลิน เชลโล และ เปียโน และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนอีก 5 บท ซึ่งในบรรดาคอนแชร์โตทั้งห้าบทนี้ คอนแชร์โตหมายเลข 5 สำหรับเปียโน นับว่าเป็นรูปแบบของเบโธเฟ่นที่เด่นชัดที่สุด แต่ก็ไม่ควรลืมช่วงเวลาอันเข้มข้นในท่อนที่สองของคอนแชร์โตหมายเลข 4 สำหรับเปียโน

เบโธเฟ่นยังได้ประพันธ์เพลงโหมโรงอันเยี่ยมยอดไว้หลายบท (เลโอนอเร่, ปิศาจแห่งโพรเมเธอุส) ฟ็องเตซีสำหรับเปียโน วงขับร้องประสานเสียง และวงออร์เคสตราอีกหนึ่งบท ซึ่งทำนองหลักทำนองหนึ่งของเพลงนี้ได้กลายมาเป็นต้นแบบของ "บทเพลงแห่งความอภิรมย์"

นอกจากนี้ยังมีเพลงสวดมิสซา ซึ่งมี มิสซา โซเลมนิส โดดเด่นที่สุด ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานดนตรีขับร้องทางศาสนาที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ท้ายสุด เบโธเฟ่นได้ฝากผลงานประพันธ๋โอเปราเรื่องแรกและเรื่องเดียวไว้ มีชื่อเรื่องว่า ฟิเดลิโอ นับเป็นผลงานที่เขาผูกพันมากที่สุด อีกทั้งยังทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปมากที่สุดอีกด้วย
249  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / 5 ความจริง ที่คุณควรรู้ก่อนใช้แก๊สติดรถยนต์ เมื่อ: 21 มกราคม 2556 19:15:10
     ปัจจุบันทางออกของสภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในยุคนี้ ทำให้หลายคนถวิลหาพลังงานทางเลือกที่มีราคาถูกกว่าอย่างเช่นแก๊ส ที่คนจำนวนไม่น้อยคุ้นเคยมันอย่างดี ไม่ว่าจะเป้นแก๊ส LPG ที่บรรดาคนขับรถยนต์แท็กซี่เติมใช้กันมานานนับ 10 ปี หรือจะทางเลือกใหม่กับ CNG ไม่ ว่าอะไรก็ช่วยให้คนที่ต้องการความประหยัดและคุ้มค่าในการเดินทางไปยังจุด หมายต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

      แม้พลังงานทางเลือกอย่าง “แก๊ส” จะให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่เราก็ควรตระหนักว่า เมื่อมีข้อดีเป็นธรรมดาในทางกลับกันมันก็จะต้องมีผลเสียตามมา ซึ่งในหลายๆ เหตุผลต่างๆนานา อาจเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงก็เป็นไปได้

เครื่องยนต์จะสึกหรอเร็วกว่าปกติ
      เราเชื่อว่าเรื่องความเสียหายของเครื่องที่ เกิดจากการใช้แก๊สก๊าซติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน คงเป็นเรื่องที่คอประหยัดส่วนใหญ่คงจะทราบกันดี แม้จะมีเสียงจากกลุ่มผู้ใช้ก๊าซว่าสามารถทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ กว่าระบบน้ำมันด้วยซ้ำ แถมยังมีค่าออกเทน โดยเฉลี่ยสูงกว่า 105 อยู่เป็นทุนเดิม ทำให้บางคนมักเข้าใจผิดว่า รถติดแก๊สแล้วจะวิ่งดีกว่าน้ำมัน

      ความจริงเรื่องแก๊สกับการทำงานเครื่องยนต์ นั้น สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอเร็วกว่าปกตินั้น ก็มีสาเหตุมาจากการเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้ ที่แก๊สแม้จะมีค่าออกเทนหรือที่ศัพท์ในวงการอุตสาหกรรมปิโตเลียมเรียกว่า "อีเนอจีเชน" มากกว่าน้ำมันในระดับพรีเมี่ยมออกเทน 95 แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็ไม่พ้นลักษณะการเผาไหม้

      ด้วยความที่มันมีคุณสมบัติเป็นก๊าซนี่เองก็ เลยทำให้การเผาไหม้ที่เกิดขึ้นในห้องเผาไหม้ เป็นการเผาไหม้แห้ง สังเกตได้จากระบบแก๊สมักถูกต่อร่วมกับระบบดูดอากาศไปใช้งาน ส่งผลให้ค่าเสียดทานของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นวาล์วหรือตัวลูกสูบมีมากกว่า และเมื่อมีการเสียดทานสิ่งที่ตามมาก็คือ ความร้อน ซึ่งนี่เป็นตัวการที่ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราการสึกหรอเร็วขึ้นกว่าปกติ โดยเฉลี่ย 1.5 เท่า เลยทีเดียว และสามารถยืนยันได้จากคำแนะนำของท่านผู้เชี่ยวชาญทางพลังงานแก๊ส ที่มักให้เปลี่ยนน้ำมันเกรดธรรมดาที่สามารถใช้ได้ถึง 5000 กิโลเมตร ในระยะที่ 4000 กิโลเมตร

แก๊สไม่ได้ทำให้รถประหยัดขึ้น
      อีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่คอประหยัดหลายคนมองข้ามไปว่าการติดแก๊สความจริงแล้ว ไม่ได้ช่วยให้เครื่องยนต์ของคุณมีสมรรถนะการทำงานดีขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลขึ้นหรือมีอัตราเฉลี่ยใช้พลังงานน้อยลง เมื่อเทียบกับอัตราการเดินทางที่เกิดขึ้นจริง

      ความจริงแล้วการติดแก๊สให้กับรถคู่ใจของคุณนั้น เป็นเพียงการหลีกเลี่ยงค่าพลังงานที่สูงเมื่อเทียบกับราคาก๊าซที่ถูกว่ากัน ครึ่งต่อครึ่ง หรืออาจจะถูกกว่าถึง 2 ใน 3 ของราคาน้ำมันที่ขายกันอยู่ตามปั้ม

      อันที่จริงแล้วเมื่อติดแก๊สเครื่องยนต์ไม่ได้วิ่งดีขึ้นหรือมีอัตราความ ประหยัดของเครื่องยนต์มากขึ้นอย่างที่คุณหวังเอาไว้ เพียงแต่เมื่อหันไปใช้พลังงานจากแก๊สแล้วค่าใช้จ่ายที่คุณต้องควักเงินออก จากกระเป๋าต่อหน่วยพลังงานนั้นจะน้อยลง และหากใครใช้รถแก๊สกันอยู่ คงจะพอรู้ว่าแก๊สเต็มปริมาตร 1 ถัง จะวิ่งได้น้อยกว่าน้ำมันประมาณ 100-200 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากพูดแล้วคุณอาจจะต้องเติมแก๊สมากกว่าน้ำมันเสียอีก แม้จะราคาถูกกว่าก็ตามเถอะ


แก๊สทำให้คุณตายผ่อนส่งโดยไม่รู้ตัว
      หลายคนที่ติดแก๊สมัก จะคิดว่าแก๊สไม่น่าจะมีผลอะไรต่อสุขภาพเมื่อดูจากการติดตั้งที่เราจะเห็นได้ ถึงความปลอดภัยมั่นใจได้ แถมมีวิศวกรเซ็นใบรับรองอีกต่างหาก ทว่าสิ่งที่หลายคนลืมตระหนักนึกถึงไปยังมีอีกมาก และหนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างสุขภาพด้วยสิ เพราะ แก๊สไม่ได้แค่ติดไฟได้แต่ยังมีอันตรายต่อสุขภาพด้วย
 
     จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวัตถุอัตรายและเคมีภัณฑ์ ภายใต้หน่วยงานกรมควบคุมมลพิษ ให้ข้อมูลถึงอันตรายของก๊าซที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพว่าCNG หรือก๊าซธรรมชาติ ที่บางคนอาจจะรู้จักในนาม NGV นั้น หากสูดดมหายใจเข้าไปสะสมเป็นปริมาณมากๆ จะก่อให้เกิดอาการหายใจติดขัดอย่างรุนแรง, ปวดศีรษะ, วิงเวียน และอาจหมดสติได้ และหากสัมผัสถูกตาอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

      ในขณะที่ก๊าซยอดฮิตตลอดกาลอย่าง LPG ก็ มีผลกระทบไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเริ่มจาก การหายใจเข้าไป อาจจะเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการกระตุกสั่น ปวดและเวียนศีรษะ เซื่องซึม สายตาพร่ามัว เมื่อยล้า อาการชักกระตุกอย่างแรง หมดสติ ไม่รู้สึกตัว อาจหยุดหายใจทันทีและถึงแก่ความตาย หากสัมผัสโดยตรงทางผิวหนัง จะทำให้เนื้อเยื่อตาย เช่นเดียวกับการสัมผัสถูกตาก็จะให้ผลเช่นเดียวกันและอาจทำให้ตาบอดได้

     แม้ในความเป็นจริงคงไม่มีใครนึกอยากสูดก๊าซพวกนี้เข้าไป แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่เราเข้าไปเติมก๊าซเราก็มักจะได้กลิ่น หมายถึงว่าเราสูดดมไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป้นในปริมาณที่น้อย แต่หากเราต้องเข้าไปเติมกันบ่อยๆ มันก็น่าคิดใช่ไหม แถมเกิดก๊าซรั่วหรือใครที่จูนแก๊สหนาๆ จนมีกลิ่นเข้ามาในห้องโดยสาร อันนี้ควรรีบตรวจสอบให้ดี

แก๊สทำให้รถคุณไร้ค่า
     เมื่อถึงเวลาต้องก้าวต่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะขายรถคันเดิมเพื่อซื้อคันใหม่ที่ให้ความสะดวกสบาย มากกว่า ความจริงแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดา แต่เมื่อไรที่คุณเลือกที่จะขายรถติดแก๊สคันโปรดคู่ใจแล้ว บรรดาคนซื้อทั้งหลายโดยเฉพาะเต๊นท์ก็มักจะกดราคาด้วยข้ออ้างเพียงว่า “มันเป็นรถแก๊ส”

     ทั้งที่จริงแล้วข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้นสำหรับผู้เป็นเจ้าของรถ แต่จากที่ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในวงการไฟแนนซ์ชั้นนำ ก็เลยทำให้ได้ทราบว่า ที่บรรดาเต๊นท์ต่างกดราคาและขยาดในการรับซื้อรถติดแก๊สไปขายนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากสถาบันการเงินที่คนอยากซื้อรถส่วนมากต้องยื่นขอสินเชื่อ นั่นเอง

     เป็นที่น่าแปลกว่าบรรดากลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเหล่านี้ พวกเขาต่างก็เข็ดขยาดกับรถยนต์ติดแก๊ส แม้จะไม่มีทางทราบได้เลยว่า ไฉนรถติดแก๊สถึงได้ดูถูกดูแคลนมากมายถึงขนาดบางแห่ง ปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อสำหรับรถติดแก๊ส หรือไม่ก็ต้องมีการค้ำประกันเพิ่มเติมเช่นโฉนดที่ดิน เพื่ออะไรเราก็มิอาจทราบ แต่เราคาดว่าในสายตาของบรรดาสถาบันการเงิน คงมองว่า การใช้รถติดแก๊สนั้นมีความเสี่ยง ผู้ใช้อาจมีสิทธิ์เสียชีวิตได้สูง

แก๊สอาจจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
      ข้อนี้เป็นเรื่อง แปลกแต่จริงที่ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับนักกฏหมายที่คร่ำวอดในการว่าความ คดีต่างๆ ซึ่งเขาได้เล่าให้เราฟังถึงคดีจราจรเคสหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างรถยนต์ติดแก๊สกับรถยนต์ธรรมดาเฉี่ยวชนกันตามภาษา การจราจรวุ่นวายในบ้านเรา ทีแรกก็เป็นคดีปกติแถมรถแก๊สเป็นฝ่ายถูกด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนเรื่องเล็กจะเป็นเรื่องใหญ่เมื่อรถติดแก๊สเกิดเหตุเพลิงไหม้และ วอดกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด

     เรื่องมันกับตาลปัตรตรงที่ความจริงแล้วจากสถานการณ์รถแก๊สน่าจะต้องได้รับ การชดใช้ค่าเสียหายจากคู่กรณีเป็นเงินจำนวนมากอยู่ ทว่าพอคดีเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน เนื่องจากยอมความกันไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าเจ้าของรถติดแก๊สนั้น ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนคู่กรณี เนื่องจากมีการพิจารณาแล้วเห้นพ้องว่า ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต สรุปว่า เจ้าของรถแก๊สซวย 2 ต่อ ไหนรถจะไม่มีขับแถมต้องจ่ายเงินให้คู่กรณีอีกต่างหาก เคราะห์ดีว่ารถมีประกันภัยไม่งั้นมีหวังกระเป๋าฉีกแน่ๆ

     เหตุผลทั้ง 5 ข้อ ที่วันนี้เรานำมาเล่าสู่กันฟังอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กในสายตาหลายๆคน แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับพลังงานทางเลือกอย่างแก๊ส ที่ชั่วโมงนี้แทบปฏิเสธไม่ได้ เราก็ควรจะศึกษามันให้ดีก่อนที่จะเสียเงินทำการใดๆ มิเช่นนั้นปัญหาที่คุณไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นกับคุณ

ที่มาข้อมูลและภาพ banprak-nfe.com
250  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ภาพและเสียงเพื่อความบันเทิง / หมอแคนระดับโลก เมื่อ: 21 มกราคม 2556 18:58:13
ม่วนซื่น บีโทเฟน

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=kTv4aHMVT18" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=kTv4aHMVT18</a>
251  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / Google ยื่นจดสิทธิบัตรแป้นพิมพ์เสมือนสำหรับ Google Glass เมื่อ: 21 มกราคม 2556 18:47:29
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=OLn0cSZfl6c" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=OLn0cSZfl6c</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=hxmbbtuRszA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=hxmbbtuRszA</a>


Google ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรการสร้างแป้นพิมพ์เสมือนโดยการฉายแสงเลเซอร์ลงบนพื้นผิวต่างๆ เพื่อใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์ Google Glass

ในขณะนี้ที่แว่นตา Google Glass ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ตัวอุปกรณ์มีไมโครโฟนสำหรับรับคำสั่งเสียงจากผู้ใช้งาน, มีปุ่มกดสำหรับถ่ายภาพ และยังอยู่ในช่วงการทดสอบแป้นสัมผัส ทว่าดูเหมือนจะยังขาดวิธีป้อนข้อความจากผู้ใช้งานโดยการพิมพ์อยู่ ซึ่งบางครั้งกลายเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อผู้ใช้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หรือต้องการป้อนข้อความยาวๆ ในลักษณะที่การสั่งงานด้วยเสียงอาจทำงานได้ไม่ถูกต้อง

ด้วยเหตุนี้ Google จึงหาทางออกด้วยการเตรียมแป้นพิมพ์เสมือน ซึ่งอาศัยการฉายลำแสงจากตัวแว่นไปยังพื้นผิวต่างๆ โดยในขณะเดียวกัน กล้องถ่ายภาพที่อยู่บนแว่นจะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวมือของผู้ใช้งานที่สัมพันธ์กับตำแหน่งของแป้นพิมพ์เสมือนนั้น เพื่อแปลความหมายเป็นการสั่งงานต่างๆ

หากสิทธิบัตรนี้ได้รับการพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้จริง ก็อาจลืมเรื่องถุงมือ Google ไปได้เลย

ที่มา - CNET, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
252  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ภาพและเสียงเพื่อความบันเทิง / Mega คุย สมาชิกทะลุ 1 ล้านภายในวันแรก เมื่อ: 21 มกราคม 2556 18:35:57
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ymI1kgFF91o" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ymI1kgFF91o</a>

Mega บริการใหม่ของผู้สร้าง Megaupload ที่เพิ่งเปิดให้ทดสอบไปเมื่อวันก่อน ระบุว่ามีสมาชิกทะลุ 1 ล้านภายใน 1 วันแรกที่เปิดให้บริการแล้ว

Mega เลือกวันเปิดตัวให้พอดีกับวันครบรอบ 1 ปีที่ Megaupload ถูกบุกยึดเซิร์ฟเวอร์-จับกุมทีมงาน ซึ่ง Kim Dotcom เจ้าของกิจการเลย "จัดเต็ม" กับงานเปิดตัว Mega อย่างเต็มที่ ระหว่างแถลงข่าวมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ FBI (ตัวปลอม) บุกเข้ามาในงานด้วยเฮลิคอปเตอร์และรถจี๊ป, มีการ์ดสาวสวยใส่ชุดทหารจำนวน 6 คนยืนรายล้อมตัว Kim และมีแดนเซอร์เต้นระหว่างงานแถลงข่าวด้วย

ที่มา - Slashgear, Ars Technica
253  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ภาพและเสียงเพื่อความบันเทิง / Re: Mini Coupé ปะทะ Swift Sport เมื่อ: 21 มกราคม 2556 18:21:04
รถสวยๆบรรยากาศโรแมนติก1ในนั้น 86ๆๆๆๆ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=mzTTx__QRcg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=mzTTx__QRcg</a>
254  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ภาพและเสียงเพื่อความบันเทิง / Mini Coupé ปะทะ Swift Sport เมื่อ: 21 มกราคม 2556 18:09:47
Mini Coupé ปะทะ Swift Sport

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Yj7tGAYDnmo" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Yj7tGAYDnmo</a>
255  สารสนเทศน่ารู้ ตลาดสด บันเทิงกระจาย / ตลาดเศรษฐี / smf แสดงกระทู้ล่าสุดนำไปประยุกต์แยกเป็นหมวดเช่นซื้อขายต่างหาก เมื่อ: 21 มกราคม 2556 10:05:04
สร้างไฟล์ชื่อ test.php

โค๊ด:
<!DOCTYPE HTML PUBLIC "-//W3C//DTD HTML 4.01 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/html4/loose.dtd">
<?php require("SSI.php"); ?>
<html>
<head>
<meta http-equiv="Content-Language" content="th">
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8">
<meta http-equiv="refresh" content="900" >
<title>วิธีดึง10 กระทู้ล่าสุดแบบ ssi_recentTopics | welovethailand.com</title>
<base target="_blank">
<style type="text/css">

body,td,th {
font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;
font-size: 12px;
color: #0066FF;}
a {font-size: 12px;color: #E79A0C;}
a:link { color: navy; text-decoration: none}
a:visited { color: #0000FF; text-decoration: none}
a:active { color: #FF9900; text-decoration: underline}
a:hover { color: Orange; text-decoration: underline}

</style>
</head>

<body >
<!--ดึง recentTopics-->
<?php ssi_recentTopics($num_recent =10 $exclude_boards null$include_boards 1$output_method 'echo'); ?>
<!--หมายเลข 10 คือจำนวนที่จะเเสดง   /   เลข 1 คือ id ของบอร์ดหรือโซนที่จะเเสดง ใส่ null ถ้าต้องการแสดงทุกบอร์ด-->

</body>
</html>


แก้ไขไฟล์ SSI.php

ค้นหา
อ้างถึง
   // Find all the posts in distinct topics.  Newer ones will have higher IDs.
   $request = db_query("
      SELECT
         m.posterTime, ms.subject, m.ID_TOPIC, m.ID_MEMBER, m.ID_MSG, b.ID_BOARD, b.name AS bName,


ทับด้วย
โค๊ด:
	// Find all the posts in distinct topics.  Newer ones will have higher IDs.
$request = db_query("
SELECT
t.numViews, t.numReplies,m.posterTime, ms.subject, m.ID_TOPIC, m.ID_MEMBER, m.ID_MSG, b.ID_BOARD, b.name AS bName,


ค้นหา
อ้างถึง
      // Build the array.
      $posts[] = array(
         'board' => array(
            'id' => $row['ID_BOARD'],
            'name' => $row['bName'],
            'href' => $scripturl . '?board=' . $row['ID_BOARD'] . '.0',
            'link' => '<a href="' . $scripturl . '?board=' . $row['ID_BOARD'] . '.0">' . $row['bName'] . '</a>'
         ),
         'topic' => $row['ID_TOPIC'],


ต่อท้ายด้วย
โค๊ด:
			'views' => $row['numViews'],
'replies' => $row['numReplies'],


ก็จะได้ดังภาพ
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 21

:: ข้อตกลงร่วมกัน ::
ห้ามโพสต์รูปลามก หรือสิ่งผิดกฏหมายทุกประเภท
ห้ามโพสต์ข้อความที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ห้ามใช้วาจาไม่สุภาพ หรือด่าทอ ข้อความหรือเนื้อหาที่เกิดขึ้น ผู้โพสต์ต้องเป็นคนรับผิดชอบเท่านั้น หากเราตรวจสอบว่ามีการโพสต์รูปลามก หรือทำสิ่งผิดกฎหมาย
เราจะลบโพสต์ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า




คลิกที่นี่ -->> จัดพระของขวัญเข้ารุ่นและพิมพ์

Powered by SMF | SMF © 2011, Simple Machines | Sitemap | Cityscape design by Bloc | XHTML | CSS
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.363 วินาที กับ 22 คำสั่ง